Mori Natural Farm เชียงใหม่ ฟาร์มสเตย์สไตล์ญี่ปุ่น

Mori Natural Farm

Mori Natural Farm เชียงใหม่ ฟาร์มสเตย์สไตล์ญี่ปุ่น

Mori Natural Farm

ที่นี่เชียงใหม่ ไม่ใช่ ญี่ปุ่น!! นอนโฮมสเตย์แบบ เรียวกัง พร้อมจูงหมา “อาคิตะ” เดินเล่นดงดอกไม้ ประสบการณ์ห้องพักแบบใหม่ ของ Mori Natural Farm โมริ เนเชอรัลฟาร์ม เชียงใหม่

ไฮไลท์ Mori Natural Farm

:: Mori Natural Farm คือ อะไร อยู่ที่ไหน ::

โมริ เนเชอรัล ฟาร์ม เป็นที่พักในสไตล์ใหม่ ที่เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจ ของพี่ปอ-พี่เมี่ยง คู่รักที่มีความหลงใหลในความญี่ปุ่น ทำให้ทั้งคู่ได้สะสมเงินจากการทำงานประจำมาหลายปี และเริ่มสร้างบ้านพักที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยสไตล์บ้านเหนือล้านนา ผสมผสานกับ ความญี่ปุ่น จนเกิดมาเป็นฟาร์มสเตย์สุดน่ารักที่ไม่เหมือนใคร! ของที่นี่ค่ะ ซึ่งจะให้บริการในส่วนของห้องพัก และคาเฟ่ ควบคู่กับการปลูกผัก ทำสวนต่างๆ เพื่อใช้ประกอบอาหารให้แขกผู้มาเยี่ยมเยือนด้วยค่ะ

 เจ้าของ Mori Natural Farm

:: การเดินทางมายัง Mori Natural Farm ::

ที่นี่ ตั้งอยู่ในตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ค่ะ ซึ่งห่างจากบริเวณอำเภอเมืองของเชียงใหม่ ประมาณ 35 กิโลเมตร หรือหากขับรถมาจะใช้เวลาทั้งสิ้นเพียง 45 นาทีเท่านั้นเองค่ะ ซึ่งหากใครที่ต้องการนั่งรถสาธารณะ ก็สามารถไปขึ้นรถประจำทางจาก ตลาดวโรรส และมาลงที่ Seven Eleven สาขาโป่งแยง แล้วค่อยแจ้งให้ที่พักมารับได้เลยค่ะ

แต่สำหรับเราสองคน ได้ใช้รถส่วนตัวขับเข้าไปเที่ยว ซึ่งสามารถปักหมุดตามแผนที่ใน Google Maps ได้ตามนี้เลยค่ะ
แผนที่ Google Maps : โมริ เนเชอรัล ฟาร์มสเตย์

:: ทำความรู้จัก ครอบครัว Mori Natural Farm ::

สำหรับเราเอง เมื่อได้รู้รายละเอียด เรื่องราวของเจ้าของบ้าน เรารู้สึกประทับใจ และมีแรงบันดาลใจมากๆ จึงอยากจะเอาเรื่องราวของคู่รักคู่นี้ มาแชร์ให้เพื่อนๆ กันค่ะ นั่นก็คือ พี่ปอ – สิทธิโชค พงศ์พฤกษา และ พี่เมี่ยง – สรัญภร พงศ์พฤกษา ค่ะ

ปอ เมี่ยง Mori Natural Farm

พี่ปอ และพี่เมี่ยง ได้เล่าให้เราฟังว่า เดิมทีนั้นทั้งคู่ได้ทำงานประจำในเมืองมาสักพัก แล้วรู้สึกว่าการทำงานในเมืองนั้น ไม่ใช่ ชีวิตในแบบที่ทั้งคู่ต้องการ เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้มีลูก จึงเริ่มต้นเกิดไอเดียว่า อยากจะเริ่มหาที่สักแปลงหนึ่ง แล้วย้ายมาใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ กับ สิ่งที่ชอบให้มีความสุขที่สุด ในช่วงบั้นปลายของชีวิตนั่นเองค่ะ จึงได้เริ่มเก็บหอมรอมริบเงินจากงานประจำ มาสร้างฟาร์มสเตย์กลางหุบเขาแห่งนี้

โมริ เนเชอรัล ฟาร์ม โมริ เนเชอรัล ฟาร์ม

พี่ปอเองยังเล่าติดตลกว่า เจ้าของบ้านจริงๆ ของที่นี่ไม่ใช่ของเขาทั้งคู่ค่ะ แต่เป็นเหล่าเจ้าสี่ขาต่างหาก ที่เป็นเจ้าของตัวจริงของที่นี่ ซึ่งเราจะพาไปทำความรู้จักน้องๆ กันด้วยค่ะ เนื่องจากทั้งคู่หลงใหลในความเป็นญี่ปุ่น จึงได้เลี้ยงหมา อาคิตะ จำนวน 3 ตัวด้วยกัน ซึ่งจะมี มิกิ – คุณแม่, โบชิ – คุณพ่อ, ฮาชิ – คุณลูก ตามภาพด้านล่างเลยค่ะ

ฮาชิ มิกิ  โบชิ

นอกจากนั้นก็ยังมี น้องแม็กซ์ ที่เป็นพันธุ์ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ มาอีกตัวหนึ่ง ซึ่งคอยรับแขกด้วยความตื่นเต้น และสดใสเสมอนั้นเองค่ะ

maxx

หาว รอเพื่อนๆ ทุกคนมาหาที่บ้านหลังนี้ นะครับ!

Mori Natural Farm

:: ห้องพัก ในสไตล์ญี่ปุ่น-ล้านนา ของ Mori Natural Farm ::

คำว่า โมริ แปลว่าป่า ทำให้การออกแบบบ้านแต่ละหลังของที่นี่ ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของป่า คือ เน้นการใช้วัสดุธรรมชาติในการสร้างเป็นส่วนใหญ่ วัสดุหลักในการก่อสร้าง คือ ไม้เก่าที่สามารถหาได้ในภาคเหนือทั้งหมด และใส่ไอเดียรายละเอียดผสมผสานกับความเป็นญี่ปุ่น ที่ทั้งคู่ชอบเข้าไป จึงเกิดเป็นดีไซน์บ้านพักใหม่ ที่ให้ความรู้สึกที่แปลกตาค่ะคอทเทจ

โดยบ้านพักของที่นี่ โดยแต่ละหลังจะมีดีไซน์ที่แตกต่างกันทั้งสิ้น เน้นฟังก์ชั่นการใช้งาน และจะมีจำนวนเพียง 4 หลังเท่านั้น เพื่อให้พี่ปอ-พี่เมี่ยง มีเวลาได้ต้อนรับ พูดคุยกับแขกทุกคนด้วยตนเอง

“พี่อยากให้คนที่มาที่นี่ มีความรู้สึกเหมือนกับว่า มาเยี่ยมเพื่อน มีความเป็นกันเอง เราได้พูดคุย ได้รู้จักกัน” นี่เป็นคำพูดของพี่ปอ เมื่อเราถามถึงแรงบันดาลใจของที่นี่ค่ะ เลยทำให้เรารู้สึกอบอุ่นหัวใจเสมอทุกครั้งที่คิดถึงเลย

เอาล่ะ รู้จักเจ้าของ และแรงบันดาลใจครบหมดแล้ว เดี๋ยวเราจะพาไปดูตัวอย่างบ้านที่เราเข้าพักกันนะ

บ้านเรียวกัง

เราจะขอเริ่มต้นจากห้องพักไฮไลท์ ที่จองยากที่สุดของที่นี่กันก่อนเลยค่ะ กับ บ้านเรียวกัง ซึ่งจองยากขนาดไหน ความยาก คือ ต้องจองข้ามปีกันเลยค่ะ เนื่องจากบ้านหลังนี้ จะเป็นบ้านที่ออกแบบในสไตล์ญี่ปุ่นชัดเจนมากๆ ค่ะ ด้านในก็จะมีบ่อออนเซนให้เราได้นั่งแช่น้ำร้อนกันให้หายคิดถึงญี่ปุ่นด้วยค่ะ

ดีไซน์ด้านนอกของบ้านเรียวกัง จะเป็นบ้านไม้ทรงสามเหลี่ยม สีขาว-น้ำตาล และมีผ้าญี่ปุ่น พิมพฺลายดอกไม้สวยๆ แขวนตกแต่งไว้หน้าประตูทางเข้า พร้อมกับสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกกั้นบริเวณไว้ให้เฉพาะแขกที่เข้าพักเท่านั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวค่ะ

ในส่วนของห้องพักด้านใน ก็จะเป็นพื้นต่างระดับสองชั้น แยกโซนเตียงนอน และมุมโต๊ะนั่งเล่นอย่างชัดเจนค่ะ มีแอร์ และ พัดลมให้เรียบร้อย แต่บอกก่อนนะ ว่าหากใครมาหน้าหนาวเหมือนเรา อากาศเย็นสบายมากค่ะ

หากเรามองจากมุมโต๊ะนั่งเล่น บอกเลยว่า นี่แหละบ้านในฝันของใครหลายๆ คน เพราะมองออกไปด้านนอก เราก็จะเห็นทิวเขาสูง ให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากเลยค่ะ

ราคาห้องพักอยู่ที่ 4,800 บาท/คืน สำหรับ 2 คนนะคะ ราคานี้รวมอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วค่ะ

บ้าน คอตเทจ

สำหรับบ้านคอตเทจเป็นบ้านหลังรองลงมา ที่เมื่อเรียวกังเต็ม บ้านนี้จะเต็มต่อค่ะ โดยหลังนี้จะออกแนวเป็นบ้านที่เหมือนอยู่ในชนบทของญี่ปุ่นเลย เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆ มีสวนดอกไม้ภายในรั้ว และเตาผิงไฟสร้างความอบอุ่นในหน้าหนาวค่ะ

การตกแต่งด้านหน้าของบ้านหลังนี้ จะมีอุปกรณ์สำหรับทำฟาร์มตกแต่งไว้ พร้อมป้าย Welcome และตู้จัดหมายน่ารักๆ ที่บอกเลยว่า ได้ฟีลลิ่งเตรียมเป็นสาวญี่ปุ่นปลูกผักมากค่ะ

ส่วนห้องพักด้านใน ก็ดีไซน์แตกต่างจากหลังอื่นเช่นกัน จะเป็นห้องพักเล็กๆ ที่ดูอบอุ่นมากค่ะ หากลองสังเกตรายละเอียดดีๆ บอกเลยว่าลวดลายผ้าต่างๆ แสดงออกถึงความใส่ใจในการตกแต่งมากเลย

Mori Natural Farm

ราคาห้องพักอยู่ที่ 4,500 บาท/คืน สำหรับ 2 คนนะคะ ราคานี้รวมอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วค่ะ

บ้านหลองข้าว

สำหรับบ้านหลองข้าวเป็นบ้านพัก ที่เราเองไม่ได้เข้าไปพักค่ะ เราเลยได้แต่ถ่ายภาพบรรยากาศด้านนอกมากให้ชมเท่านั้น ซึ่งเดิมนั้น ในภาคเหนือจะมีการปลูกบ้านใต้ถุนสูง ที่เรียกว่า หลองข้าว ซึ่งวัตถุประสงค์หลักเลยเดิมเอาไว้เก็บข้าวเปลือก ซึ่งหากบ้านหลังไหน มีหลองข้าวใหญ่ แสดงว่าเป็นบ้านที่มีฐานะร่ำรวยนั่นเองค่ะ พี่ปอจึงนำเอาดีไซน์บ้านหลองข้าวล้านนา มาประยุกต์เป็นบ้านพักหลังนี้นั่นเอง

หลองข้าว mori natural farm

ราคาห้องพักอยู่ที่ 4,500 บาท/คืน สำหรับ 2 คนนะคะ ราคานี้รวมอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วค่ะ

การถ่ายรูป กับ อาคิตะ

สำหรับไฮไลท์หลักๆ เลย ที่ทำให้เราควรจะเข้าพักที่นี่อย่างน้อยสัก 1 คืน คือ การได้ลองมานอนฟาร์มสเตย์น่ารักๆ ในสไตล์ที่แปลกใหม่ และการมาถ่ายรูปเล่นกับน้องหมาอาคิตะ นั่นเองค่ะ ซึ่งบอกเลยว่า ในช่วงตอนเย็นของทุกวัน พี่ปอ-พี่เมี่ยง จะจูงน้องๆ มาเยี่ยมแขกตามบ้านพัก ทำให้เราสามารถถ่ายรูปคู่กับเหล่า 4 ขา ได้สนุกมากค่ะ

akita Mori Natural Farm

akita Mori Natural Farm akita Mori Natural Farm

:: คาเฟ่ กลางหุบเขา ::

ในส่วนของคนที่จองห้องไม่ทันจริงๆ แต่ต้องการเข้ามาสัมผัสบรรยากาศของที่นี่ บอกเลยค่ะ ว่าสามารถ Walk in เข้ามาได้เลย เพราะว่าด้านบนสุดของฟาร์มสเตย์ จะมีคาเฟ่ ให้บริการค่ะ โดยดีไซน์ของคาเฟ่ ก็ยังคงเข้าธีมญี่ปุ่น เช่นกัน

cafe Mori Natural Farm

cafe Mori Natural Farm

เมนูของที่นี่ จะมีให้บริการทั้ง คาว หวาน โดยเมนูที่เราชอบมากกกก คือ ข้าวผัดกิมจิ และกาแฟฟองนมรูปน้องหมาอาคิตะนั่นเองค่ะ

พี่ปอได้บอกว่า อยากให้ทุกคนที่เข้ามาพักที่นี่ ได้มีโอการทานอาหารที่ดี ซึ่งคำว่าที่ดีของความหมายพี่ปอนั้น ไม่ได้หมายถึงอาหารที่แพง แต่หมายถึง อาหารที่สะอาด และปลอดสารพิษ เพราะผักที่ใช้ทำอาหารนั้น ล้วนมาจากการปลูกเอง แบบไร้ยาฆ่าแมลง ของที่ฟาร์มสเตย์ด้วยตนเองค่ะ

หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวดีๆ ของที่นี่ไปแล้ว เราเชื่อว่า เพื่อนๆ ก็คงอยากจะเข้ามาหาพี่ปอ พี่เมี่ยงกันบ้างแล้วล่ะ ซึ่งหากใครสนใจจองห้องพัก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ก็สามารถติดต่อได้ตามรายละเอียดนี้ค่ะ

เพจ โมริ เนเชอรัล ฟาร์ม เชียงใหม่

  Tel : 0817878595

เบอร์โทรดังกล่าว สามารถแอดไลน์สอบถามได้เช่นกันค่ะ

Mori Natural Farm

ส่วนใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวในไทย เพิ่มเติม ก็สามารถกดเข้าไปอ่านได้ที่ เที่ยวไทย ไปไหนดี หรือเข้ามาพูดคุยกับเราสองคนได้ที่ Facebook LAZY COUP : เที่ยวเป็นคู่ ได้นะคะ แล้วพบกันใหม่ในคอนเท้นท์ต่อไปค่ะ